คดีฮาคามาดะ ผมทำอะไรไม่ได้เลย เว้นเสียแต่หมอบลงกับพื้นรวมทั้งมานะไม่ให้ถ่ายอุจจาระออกมา หนึ่งในผู้สืบสวนเอานิ้วโป้งผมไปที่แท่นหมึก

คดีฮาคามาดะ “ผมทำอะไรไม่ได้เลย เว้นเสียแต่หมอบลงกับพื้นรวมทั้งมานะไม่ให้ถ่ายอุจจาระออกมา หนึ่งในผู้สืบสวนเอานิ้วโป้งผมไปที่แท่นหมึก แล้วปั๊มนิ้วลงในบันทึกคำรับสารภาพ แล้วก็สั่งให้ผม ‘เขียนชื่อลงนี้’ ในเวลาเดียวกันก็ตะคอกใส่ผม เตะผม

รวมทั้งบีบแขนผม” ฮาคามาดะกล่าว เขาเป็นสมัยก่อนนักมวยสากลญี่ปุ่น ที่ขึ้นสังเวียนในตอนทศวรรษที่ 1960เอส และก็มีสถิติชนะ 16 แพ้ 11 เสมอ 2 แถมยังเคยไปไกลถึงอันดับ 6 ของประเทศในรุ่นเฟเธอร์เวท

แต่ชีวิตของเขากลับผกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ข้างหลังกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่ายกครัวอันเลื่องลือ ที่รู้จักกันในชื่อ “คดีฮาคามาดะ” เมื่อปี 1966 โทษของเขาเป็นประหารชีวิต ที่ทำให้อิวาโอะ ฮาคามาดะ จำเป็นต้องดำเนินชีวิตแทบ 50 ปีในเรือนจำ

แล้วก็เปลี่ยนเป็นผู้ต้องขังที่รอคอยโทษประหารนานที่สุดในโลก เกิดอะไรขึ้นอยู่กับชีวิตของสมัยก่อนนักมวยสากลคนนี้ ติดตามเรื่องราวไปพร้อมทั้ง เมน สแตน นักมวยอันดับ 6 ของญี่ปุ่น ฮามามัตสึ นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมมีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

เมื่อเมืองจากจังหวัดชิซูโอกะที่นี้เป็นแหล่งเกิดของบริษัทชั้นนำของประเทศ อีกทั้ง ซูซูกิ ยามาฮ่า หรือ ฮอนด้า ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นบ้านเกิดของฮาคามาดะ ชายที่คนทั่วโลกจะได้ทราบจะเขาในเวลาถัดมา

เขากำเนิดในปี 1936 รวมทั้งเป็นลูกคนสุดท้องในปริมาณพี่น้อง 6 คน ถึงแม้ว่าทางบ้านจะมีฐานะอนาถา แม้กระนั้นอิวาโอะ ก็ดำเนินชีวิตอย่างสุขสบาย เขารวมทั้งเหล่าญาติพี่น้องชอบใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าจะพากันไปตกปลาในฤดูร้อน

หรือปิ้งกระเทียมกินกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในหมู่พี่น้อง อิวาโอะสนิทกับ ฮิเดโกะ พี่สาวที่อายุมากกว่าเขา 3 ปีสูงที่สุด เพราะเหตุว่ามีอายุห่างกันไม่มากมาย ทำให้ไม่ว่าพี่สาวจะไปไหน หรือทำอะไร ก็จะมีเขาติดตามไปด้วยเสมอ

“เขาเป็นราวกับเงาของฉัน เขาตามฉันไปทุกที่” ฮิเดโกะ ย้อนเรื่องในอดีตกับซีเอ็นเอ็น หากว่าทั้งคู่เติบโตขึ้นมาร่วมกัน แม้กระนั้นเพียงพอถึงตอนวัยรุ่นก็จำเป็นต้องแยกย้ายไปตามทางของตน รวมทั้งขณะที่ฮิเดโกะ แต่งงานแต่งงาน อิวาโอะก็ได้งาน

ทำที่โรงยิมเพาะกล้ามเนื้อพอดิบพอดี และก็ที่ที่นี้ก็เป็นที่ซึ่งจุดประกายสู่ทางหมัดมวยอาชีพของอิวาโอะ เมื่อสหายร่วมงานมองเห็นท่าทีของเขา บวกกับการที่เขาเคยต่อยมวยมาก่อนข้างหลังจบมัธยมต้น รวมทั้งเคยไปแข่งขันชิงชนะเลิศจังหวัด

ก็เลยได้ชี้แนะให้เขาไปต่อยมวยอย่างเป็นจริงเป็นจัง เขาเองก็พอใจประเด็นนี้อยู่แล้ว ก็เลยได้ตอบรับข้อแนะนำนั้น และก็ตกลงใจย้ายไปอยู่เมืองโตเกียว เพื่อฝึกหัดฝีมือในค่ายฟูจิเคนโตคลับ โดยมี ฟูจิ โอคาโมโต อดีตกาลนักมวยโอลิมปิกเป็นผู้ฝึกสอน

ปี1959 อิวาโอะได้เปิดตัวในฐานะนักมวยสากลอาชีพ รุ่นเฟเธอร์เวท เขาทำผลงานได้ไม่เลวในตลอด 29 ไฟท์ เมื่อสามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้ถึง 16ครั้ง แพ้ 11ครั้ง และก็เสมอ 2ครั้ง โดยเป็นการเอาชนะน็อก 1ครั้ง ข่าว มวยไทย

คดีฮาคามาดะ

ปั๊มนิ้วลงในบันทึกคำรับสารภาพ แล้วก็สั่งให้ผม ‘เขียนชื่อลงนี้’

คดีฮาคามาดะ รวมทั้งเคยขึ้นไปถึงอันดับ 6 ของประเทศในรุ่นของเขา แต่ว่าเนื่องมาจากอาชีพนักมวยเป็นอาชีพที่ใช้ร่างกายหนักมาก และก็ ร่างกายของอิวาโอะ ก็เริ่มไม่ไหว ทำให้ข้างหลังชกมวยอยู่ 2 ปีเขาจำต้องฝืนใจแขวนนวม

และก็กลับมาหางานทำในบ้านเกิด ก่อนที่จะเขาจะได้งานเป็นคนงานในโรงงานผลิตมิโซะ ที่ชื่อว่า โคงาเนะ มิโซะ ในเมืองชิมิสึ จังหวัดชิซูโอกะ ในปี1961 แล้วก็ที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มแรกที่ฝันร้าย คดีฮาคามาดะ

30 เดือนมิถุนายน 1966 เวลาที่ทุกคนกำลังหลับ เปลวไฟจากบ้านข้างหลังหนึ่งใกล้กับโรงงานมิโซะ ในเมืองชิมิสึ ได้ปลุกให้ผู้คนในบริเวณนั้นตื่น และก็กว่านักดับเพลิงจะมาถึง คนภายในบ้านก็ได้เสียชีวิตอยู่ในกองเพลิงไปแล้ว

คนเสียชีวิตทั้งยังสี่คือ ฮาชิโมโต ฟูจิโอะ ที่เป็นเจ้าของโรงงาน โคงาเนะ มิโซะ ที่พักผ่อนเสียชีวิตอยู่ไม่ไกลกับภรรยาของเขา พร้อมลูกสาววัย 17ปี แล้วก็ลูกชายวัย 14ปี อย่างไรก็แล้วแต่ ที่มาของการตายกลับไม่ใช่ไฟไหม้

เมื่อตำรวจพบว่าคนตายทั้งยังสี่ ถูกกระหน่ำแทงอย่างไม่ยั้งรวมกันถึง 40 แผล โดยในจุดเกิดเหตุยังเจอปลอกที่เอาไว้ใส่มีด และก็เสื้อสกปรกเลือดตกอยู่ แถมเงิน 200,000 เยน ที่อยู่ในบ้านก็หายหายไป ทำให้จากคดีไฟไหม้ ได้แปลงเป็นคดีฆาตกรรมฆ่ายกครัวเพื่อชิงทรัพย์

ตำรวจพากเพียรแสวงหาตัวผู้ร้าย แม้กระนั้นหลักฐานที่มีน้อยมาก ก็เลยใช้แนวทางหาเพศผู้ถูกสงสัย ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางมาที่อิวาโอะ เนื่องด้วยเขาเป็นอดีตนักมวย แถมเพิ่งจะหย่ากับภรรยา ที่เป็นคนทำงานในบาร์ ซึ่งถูกเห็นว่าเป็นอาชีพต้อยต่ำ

ในตอนแรกเขาไม่ยอมรับทุกข้อกล่าวหา เนื่องด้วยวันนั้นเขาเองก็ยอดเยี่ยมในผู้ที่เข้าไปช่วยปิดไฟ แม้กระนั้นภายหลังจากถูกสอบสวนตั้งแต่ตอนเช้าถึงเย็นต่อเนื่องกัน 23วัน (โดยที่ไม่มีทนายความหรือที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายอยู่ด้วย)

เขาก็ยอมเซ็นคำยินยอมรับสารภาพแม้กระนั้นโดยดี อย่างไรก็แล้วแต่ ขณะที่ไปศาล อิวาโอะก็เปลี่ยนวลีให้การ รวมทั้งการันตีว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาพูดว่าเขาโดนบังคับให้รับสารภาพ อีกทั้งทรมาทรกรรม บีบบังคับ แล้วก็ทำร้าย

รวมทั้งไม่ยอมรับที่จะให้เขาเข้าส้วมในระหว่างการสอบปากคำ จนกระทั่งเขาทนไม่ได้ “ผมทำอะไรไม่ได้เลย เว้นเสียแต่หมอบลงกับพื้นรวมทั้งมานะไม่ให้ถ่ายอุจจาระออกมา หนึ่งในผู้สอบปากคำเอานิ้วโป้งผมไปที่แท่นหมึก

แล้วปั๊มนิ้วลงในบันทึกคำรับสารภาพ แล้วก็สั่งให้ผม ‘เขียนชื่อลงที่ตรงนี้’ ในเวลาเดียวกันก็ตะโกนใส่ผม เตะผม รวมทั้งบีบแขนผม” อิวาโอะกล่าว ยิ่งไปกว่านี้คดีดังที่กล่าวผ่านมาแล้วยังมีความน่าสงสัย เมื่อผู้เห็นเหตุการณ์

ซึ่งสามารถการันตีที่อยู่ของอิวาโอะในวันนั้น กลับเปลี่ยนวลีให้การ แถมในบันทึกคำยอมรับสารภาพ 45 ฉบับ ก็มีเพียงแค่ฉบับเดียวที่ถูกนับเป็นหลักฐาน ในระหว่างที่หลักฐานหลายประเภทที่อัยการเอามา ก็ถูกพิสูจน์ว่าไม่ใช่ของแท้

อีกทั้งมีดปอกผลไม้ที่ไม่อาจจะทนต่อการแทงถึง 40แผล หรือเสื้อสกปรกเลือด ที่เล็กมากยิ่งกว่าขนาดตัวของอิวาโอะ “มีเพื่อนร่วมงานที่ยืนยันที่อยู่ของฮาคามาดะ ด้วยการบอกว่าฮาคามาดะเดินตามข้างหลังเขาขณะที่เกิดเหตุการณ์

แม้กระนั้นผู้เห็นเหตุการณ์คนที่ใครๆก็รู้จักกล่าวก็ถอนคำให้การในเวลาถัดมา โดยไม่ได้บอกเหตุผล” ฮิเดโกะ กล่าวกับ เดอะ ริงค์ “มันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ชุดที่มีไว้ใส่สำหรับนอนเปื้อนเลือดที่ถูกใช้เป็นหลักฐานในตอนแรกต่อมาก็พิสูจน์ว่ามันไม่ใช่”

“เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้มีชื่อในฐานะ ‘ราชาแห่งการทรมาน’ ที่ทรมานแล้วก็ตั้งข้อกล่าวหาเท็จแก่คนบริสุทธิ์เยอะมาก” “มีบันทึกอย่างเป็นทางการที่บ่งบอกถึงอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาถูกไต่สวนอย่างไร้มนุษยธรรมทุกวี่วัน

ซึ่งไม่มีทางทำเป็นในขณะนี้ เขาบอกตำรวจในเรื่องที่ไม่จริง เพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ น้องของฉันถูกล้อมกรอบในฐานะคนร้ายจากตำรวจ ที่มีแรงกระตุ้นจะมีผลให้เขาเป็นฆาตกรให้ได้” อย่างไรก็ดี เนื่องจากว่าระบบเป็นธรรมของประเทศญี่ปุ่นให้ความใส่ใจกับ “บันทึกคำยอมรับสารภาพ”

และก็เห็นว่ามันเป็น ราชาของหลักฐานและก็ส่วนประกอบตัดสินสำหรับการพิสูจน์ ทำให้ท้ายที่สุดตุลาการจากศาลแขวงชิซูโอกะ ได้วินิจฉัยให้อิวาโอะ มีความผิด และก็ถูกลงโทษประหาร ในปี1968 และก็ทำให้มันเปลี่ยนเป็นที่รู้จักในชื่อ “คดีฮาคามาดะ”

ตายทั้งเป็น ข้างหลังคำวินิจฉัยในปี 1968 สมาคมมวยอาชีพญี่ปุ่น เป็นหน่วยงานแรกๆที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้อิวาโอะ พวกเขาคิดว่าผู้คนต่างมีอคติต่อนักมวย เพราะมันไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ที่ทรงเกียรติเท่ากับ ยูโด หรือเคนโด

นอกเหนือจากนั้นชมรมยังคิดว่าวิธีการที่ว่า “ผู้ต้องหายังคงเป็นผู้บริสุทธิ์จนกระทั่งจะถูกพิสูจน์ว่ามีความผิด” ได้ถูกทำลายไปโดยสื่อ ภายหลังที่สื่อต่างๆทั้งทีวีแล้วก็หนังสือพิมพ์ เพียรพยายามรายงานข่าวสารบ่อยๆเสนอแนะว่าอิวาโอะเป็นผู้ร้ายในคดีนี้

ในตอนที่อิวาโอะ ก็รับรองว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และก็เฝ้ารอการวินิจฉัยอย่างเป็นธรรมจากศาลสูง หรือศาลฎีกา ตลอด 20 ปีแรกที่ถูกคุมขัง เขาเชื่อมาตลอดว่าวันหนึ่งเขาจะได้รับเสรีภาพ เขาดำรงชีวิตอย่างมีหวังในเรือนจำ

อีกทั้งสมัครเข้าเรียนเพื่อนำวิชาความรู้ไปใช้ข้างหลังถูกปล่อยตัวปล่อยใจ หรือเข้ารีตเป็นศาสนิกชน ยิ่งกว่านั้นเขายังเขียนจดหมายถึงยังหน้าบ้านเป็นประจำ แล้วก็บอกกับแม่ รวมถึงลูกชายของเขาว่าเขาไม่ได้ทำผิด

“พ่อจะพิสูจน์ให้ลูกมีความเห็นว่า พ่อของลูกไม่มีทางฆ่าผู้ใดกันแน่ หัวข้อนี้ตำรวจเข้าใจกันดีที่สุด รวมทั้งทำให้ตุลาการจำต้องเศร้าใจ พ่อจะแหวกโซ่นี้ และก็กลับไปพบลูกให้ได้” เนื้อความส่วนใดส่วนหนึ่งจากจดหมายที่ฮาคามาดะเขียนถึงลูกชาย

อย่างไรก็แล้วแต่ แสงไฟที่ปลายอุโมงค์ของอิวาโอะ ก็เริ่มหรี่ลงในปี 1980 เมื่อศาลฎีการับรองคำวินิจฉัยเดิมให้เขาถูกทำโทษประหาร รวมทั้งทำให้เขาถูกย้ายไปเรือนจำสำหรับผู้ต้องขังที่รอคอยการประหารโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

เขาถูกนำไปขังลำพังในห้องแคบๆแถมในวันที่เขามาถึง ผู้ต้องขังที่อยู่ห้องต่อไปจากเขาก็ถูกนำตัวไปประหาร ฮิเดโกะ มั่นใจว่า มันเป็นกระบวนการทำลายขวัญแรงใจของเรือนจำ