หมู่บ้านจิ๊กโก๋ เดือนตุลาคม ปี 1982 อาซูมาห์ เนลสัน นักต่อยที่เหมาะสมที่สุดในทวีปแอฟริกา กำลังจะได้ขึ้นสังเวียนกับ ซัลวาดอร์ ซานเชซ 

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ เนลสัน เป็นมวยรองและก็มาในฐานะผู้ท้าแข่ง เขาโดนผู้สื่อข่าวถามคำถามว่า “มีความรู้สึกว่าจะชนะไฟต์นี้ไหม ?” … สิ่งที่เขาตอบพร้อมๆกับรอยยิ้มในวันนั้นเป็น “ผมชนะตั้งแต่ก้าวออกมาจาก แล้ว”

เป็นย่านชุมชนแออัดเล็กๆในประเทศกานา ที่ผู้คนในนั้นมีอาชีพหลักเป็นการหาปลาด้วยเรือแคนู … แล้วก็ผู้คนตรงนี้ถ้าข้อคิดเห็นมีความขัดแย้ง พวกเขาจะซัดหน้ากันแทนการเถียง

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ การเป็นแหล่งสร้างนักสู้ระดับแชมป์โลกมากขนาดนี้ ย่อมมีเหตุมีผลจากต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่อยู่และก็สภาพแวดล้อมอย่างแน่นอน แล้วก็สำหรับชาว บูคอม ไม่มีผู้ใดที่สุข ไม่สู้ก็ซี้ จะกล่าวแบบงั้นอาจจะไม่ผิดอะไร

หมู่บ้านจิ๊กโก๋

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ บูคอม เป็นเสมือนสลัมท่ามกลางเมืองหลวงของประเทศ กานา ชื่อ อักกรา (Accra) ห่างจากชุมชนที่นี้ไปไม่กี่ตอนอาคารเป็นเขตเศรษฐกิจของเมือง ถ้าหากเทียบให้เห็นภาพอาจจำเป็นต้องพูดว่า บูคอม เปรียบเสมือนบริเวณคลองเตย ที่ตั้งอยู่ใกล้เขตเศรษฐกิจอย่างถนนหนทางสีลม หรือถนนหนทางพระราม 4 ก็อาจไม่ผิดนัก ข่าว มวยไทย

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ แต่ว่าระบบการบ้านการเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอน ย่อมมีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนระดับรากต้นหญ้าที่จะลืมตาอ้าปาก ตรงนี้ไม่มีเมืองผลประโยชน์ ไม่มีทุนเรียนฟรี ไม่มีของกินเลี้ยงสำหรับทุกคน ถ้าเกิดอยากได้ พวกเขาจะต้องสู้เพื่อหามันมาครองเอง

ฉะนั้นอาชีพหลักของมนุษย์ตรงนี้เป็นวิธีการทำประมงขนาดเล็ก พวกเขามิได้มีเรือเดินสมุทรอะไร มีเพียงแต่เรือแคนูที่ทำมาจากไม้แล้วก็ออกไปพบปลาตามวิถีชาวบ้าน เพศชายเป็นคนจับ สตรีเป็นคนเอาปลามาขาย และก็ทำครัว โน่นเป็นภาพรวมทของมวลชนใน บูคอม

แต่ไม่ว่าจะยากลำเค็ญเพียงใด ทุกคนล้วนได้โอกาสขึ้นไปสู่ยอดของพีระมิดได้เสมอถ้าหากพวกเขาเป็นผู้ที่เก่งจริง สำหรับเด็กสาวชาวบูคอม พวกคุณล้วนฝันจะเป็นนักเต้นแบบประจำถิ่นของกานา ที่เป็นโชว์ให้นักเดินทางได้มอง ส่วนเด็กชายเป็นการเป็นนักกีฬา … ง่ายที่สุดเป็นการเป็นนักมวย

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ ความไร้การศึกษา และก็ท้องที่หิวนั้น ย่อมทำให้เกิดความประพฤติปฏิบัติที่มองไม่ค่อยสมควรสำหรับคนนอก แต่ว่าที่ บูคอม ที่นี้ หลายเรื่องผิดตาสำหรับคนเขตอื่นเป็นเรื่องธรรมดา ดังเช่น “การต่อยกันริมทาง” เปิดวาทะ

“บูคอม เป็นชื่อของถิ่นที่อยู่อาศัยที่แสดงถึงความมีชีวิตรอด ผู้ที่พร้อมจะสู้เพียงแค่นั้นก็เลยจะรอดในที่ที่นี้ได้” อาซูมาห์ เนลสัน นักต่อยที่ได้สมญานามว่า “ชั้น 1 ที่ทวีปแอฟริกา” ว่าไว้

หมู่บ้านจิ๊กโก๋

“เมื่อคุณยังเด็ก คุณก็จำเป็นต้องเริ่มหาอาหารรับประทานเองแล้ว คุณจำเป็นต้องรู้จักดิ้นรนเพื่อช่วยเติมเต็มชีวิตแล้วก็เงินในกระเป๋า สิ่งกลุ่มนี้ทำให้ท่านตรากตรำแน่ๆ แต่ว่ามันมิได้มีทางเลือกอะไรมากมาย บางโอกาสคุณก็จะต้องสู้ สู้เป้าหมายถึงว่าต่อสู้จริงๆที่บ้านของผมการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพียงแค่มองหน้ากันรวมทั้งใส่เลย”

มวย เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวบูคอมที่ลูกเด็กเล็กแดงต่างต้องการจะเป็น หัวข้อนี้มันมีเหตุมีผลมายาวนานกว่า 80 ปีแล้ว ศ.จ.ด้านเลขชาวกานาที่ชื่อว่า แอนโธนี่ ไอมอง ที่มหาวิทยยาลัย อีสต์เทิร์น คอนเนตติเตียนคัท ซึ่งรู้สึกชื่นชอบมวยแล้วก็เล่าเรียนหัวข้อนี้เล่าว่า มวยเข้ามานาในกานา ตอน 70-80 ปีกลายหน้านี้ อันเป็นตอนที่ กานา เป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้วหลังจากนั้น มวย ก็เป็นกีฬายอดฮิตของชาวกานาเป็นชั้นสอง รองจากบอลนั่นเอง

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ เรื่องที่ศาสตราจารย์ ไอมอง มั่นใจว่ากำเนิดการเปลี่ยนแปลงและก็สร้างแรงกระเพื่อมใหัมวยในกานาได้รับความนิยม เป็นการต่อยชิงชนะเลิศโลกของ ฟลอยด์ คลูเต โรเบิร์ตสัน (Floyd Klutei Robertson) ในปี 1964 ซึ่งนับว่าเป็นนักต่อยกานาคนแรกที่ได้มีสิทธิ์ชิงชนะเลิศโลกกับ ชูการ์ รามอส นักต่อยชาวเม็กซิกัน ที่มีชื่ออยู่ในฮอล ออฟ เฟม

ในไฟต์นั้นสำหรับชาวกานาทุกคนมีความคิดว่า โรเบิร์ตสัน โดนโกง แล้วก็สร้างความแค้น ทำให้นักต่อยรุ่นหลังหลายคนต้องการจะก้าวมผ่านไปให้ได้

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ “ในตอนนั้นผมคงจะเรียนอยู่เกรด 6 ในเวลานั้นพวกเราไม่มีทีวี พวกเราจำต้องฟังการบรรยายผ่านวิทยุ ไม่ว่าคุณจะเดินไปบนถนนที่แห่งไหน ทุกคนจะมาล้อมวิทยุกันทั้งหมด … แม้กระนั้น โรเบิร์ตสัน เป็นข้างแพ้ ทุกคนผิดหวังมากมาย กระทั่งผู้นำของประเทศยังออกสตาร์ทว่า เขาจะตามเรื่องตามราวนี้เพื่อเห็นผลการแข่งขันที่ถูก … ซึ่งแน่ๆว่ามันไม่เกิดขึ้น”

มีเรื่องราวคลาสสิกที่พูดถึง บูคอม ว่าเป็นสังเวียนนักสู้เวทีแรกของนักต่อยแชมป์โลกชาวกานาว่า ถ้าหากคุณเดินเข้าไปในที่ที่นี้ คุณจะเป็นไปไม่ได้ได้มองเห็นผู้ชายยืนโต้แย้งกัน ด้วยเหตุว่าสำหรับพวกเขา เมื่อความเห็นไม่ตรงกันก็แค่ซัดหน้ากันซะจะได้รับรู้ว่าคนใดถูกคนไหนกันไม่ถูก จนกระทั่งเป็นสโลแกนติดปากของคนพื้นที่ว่า “ไม่ต้องพูดดดดด… หยุดฝอยน้ำลายแตกฟองแล้วต่อยกันดีกว่า”

อย่างไรก็แล้วแต่ เกมชีวิตเกมนี้มิได้ให้โอกาสให้ทุกคนได้เล่นตลอดกาล แม้พวกเขาต้องการจะเป็นนักมวยมืออาชีพ กลับสู้เพียงแค่ริมถนน โดยไม่ปรับปรุงตนเอง เมื่ออายุครบ 18 ปี ซึ่งนับว่าเป็นช่วงชีวิตที่มิได้เป็นเด็กอีกต่อไป เกมรวมทั้งทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจะสิ้นสุดลง พวกเขาจะแปลงเป็นแค่นักเลงที่จำต้องไปดำรงชีพเป็นชาวตังเก หรือไม่ก็ทำเรื่องผิดกฎหมาย

หมู่บ้านจิ๊กโก๋ พวกเขาแก้ปัญหาด้วยกำลังก็จริง แม้กระนั้นตรงนี้มีเวทีมวยและก็ศูนย์ฝึกฝนมวยเยอะแยะ ผู้ที่ต้องการจะเอาดี หรือนักมวยแชมป์โลกที่พวกเรากล่าวมาข้างต้น เป็นผู้ที่มิได้ต่อยแบบมวยป่าริมถนน สิ่งเดียว พวกเขาเลือกที่จะต่อยมุ่งมั่น เนื่องจากพวกเขาทราบว่ามวยจะเป็นเครื่องซื้อตั๋วบินให้พวกเขาได้ออกไปพบโลกกว้าง แล้วก็กลับมายังกานาแบบยิ่งใหญ่ ถึงขนาดได้รับการต้อนรับจากผู้นำประเทศนั่นเอง

“พวกเราเชื่อถือในประเด็นการต่อสู้เสมอ พวกเรามีเรื่องมีราวแล้วก็ชกกันตั้งแต่ยังเด็ก ผมต่อยกับเด็กผู้อื่นมามากมายครั้งจนกระทั่งนับไม่ถ้วน จนกระทั่งผมอายุได้ 14 ปี ผมเริ่มฝึกฝนชกมวยอย่างเอาจริงเอาจัง แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มทำเงินได้จากการต่อยพนันริมทาง”

“เมื่อใดก็ตามคุณมองเห็นนักมวยจากกานาขึ้นสังเวียน คุณจะมองเห็นถึงความ ‘หิว’ ของพวกเขา ซึ่งโน่นเป็นมูลเหตุที่ทำให้นักต่อยจากที่นี่แต่ละคนทำงานมากมาตลอด”

“มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินแค่นั้น จริงอยู่ที่การชกมวยและก็เป็นแชมป์จะมีผลให้คุณได้เงินทองคำ แม้กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อคุณกลับมาที่กานา ทุกๆคนจะยกย่องคุณ แม้กระนั้นถ้าหากคุณแพ้คุณก็จะมิได้รับอะไรกลับไปเลย … ตรงนี้ไม่มีช่องว่างให้ผู้แพ้” อักเบโก้ เล่าถึงความบากบั่นที่จะต้องแข่งขันกับผู้อื่นแล้วก็การเป็นเด็กบริเวณ บูคอม พวกเขาหิวและไม่เคยคิดที่จะหยุด ตราบจนกระทั่งมวยจะพาพวกเขาซื้อตั๋วออกไปพบกับโลกกว้าง

ที่ บูคอม มีนักสู้เดินเต็มถนน แม้กระนั้นการที่ใครบางคนจะก้าวออกมาในฐานะนักต่อยอาชีพได้ไม่ใช่ง่าย ผู้ที่ไปถึงเป้าหมายมีเพียงแค่ถือมือเดียว และก็ผู้ที่เป็นราวกับตาดีเลิศของตรงนี้ชื่อว่า บ็อบบี้ กู้ดแมน ชายคนอเมริกันสถานที่สำหรับทำงานในแวดวงมวยและก็เป็นที่รู้จักในบริเวณ บรองซ์ (เขตเกิดแชมป์โลกอย่าง ไมค์ ไทสัน และก็ ฯลฯ)

กู้ดแมน มีบทบาทมาหาช้างเผือกที่กานา แล้วก็ช้างเผือกแต่ละตัวที่เขาเจอ จำนวนมากมาจาก บูคอม ทั้งหมด การมากาท้องนาของเขาเป็นการทำงานให้กับ ดอน คิง โปรโมเตอร์หัวฟูระดับนานาชาติ เพื่อหาผู้ที่ดีเยี่ยมที่สุด รวมทั้งมีความรู้สึกว่าจะไปต่อได้ในแวดวงมวยโลก ซึ่ง กู้ดแมน นี่แหละเป็นผู้ที่เจอกับ อาซูมาห์ เนลสัน ผู้แสดงนำชายชั้น 1 ของเมืองนี้

“ผมมองเห็นเด็กอายุโดยประมาณเขากำลังต่อยอยู่ ขณะนั้นเขาคงจะมีประสบการณ์ระดับอาชีพเพียงแค่ไม่ถึง 13 ครั้ง ผมถามผู้จัดการของเขาว่า หมอนี่โหดเหี้ยมแค่ไหน ? ผู้จัดการของเขาผงกศีรษะและก็กล่าวว่า แน่ๆ พ่อหนุ่มคนนี้จะแปลงเป็นมวยกระดูกเบอร์ต้นๆของโลกในรุ่นเฟคุณร์เวตแบบที่คุณไม่เคยมองเห็นมาก่อน” กู้ดแมน เล่าถึงการพบเจอกับ เนลสัน ทีแรก

“ผมนั่งมองเขาต่อยครู่หนึ่ง ผมจะต้องอุทานว่าโอ้พระผู้เป็นเจ้า … ไอ้เด็กนี่มันของแท้นี่หว่า ผมเกิดไอเดียมากยิ่งขึ้นมาย รวมทั้งภายหลังไฟต์นั้นผู้จัดการของเขาเดินมาบอกว่า บ็อบ หากนายอยากได้นักมวยคนนี้ไป ผมขอบอกก่อนว่านักมวยของผมไม่ต้องการที่จะอยากพบไฟต์กล้วยๆอีกต่อไปแล้ว … แล้วต่อจากนั้น อาซูมาห์ เนลสัน มาอยู่กับพวกเรา เขาก็ผ่านศึกใหญ่ๆเยอะแยะจนถึงเปลี่ยนเป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ในตอนท้าย” โน่นเป็นเหตุในตอนปี 80s-90s ที่ อาซูมาห์ เนลสัน ครองแชมป์โลกของมวยรุ่นเล็ก

ภายหลังจากการแจ้งกำเนิดของ อาซูมาห์ เนลสัน นักมวยกานา ที่ เมด อิน บูคอม ก็ก้าวตามหลังไปครั้งละคนๆจากการนำพาของ บ็อบบี้ กู้ดแมน เขาชอบใจนักมวยจากที่นี่ เขาถูกใจนักมวยชาวแอฟริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ บูคอม … เพราะว่าคุณลักษณะที่เขาได้เจอ เป็นคุณลักษณะของนักมวยที่เกิดมาเพื่อเป็นแชมเปี้ยน

“นักมวยเหล่านี้มีความมั่นหมายแรงกล้ามากมาย คนจำนวนไม่น้อยมีจุดเริ่มแรกด้วยความชำนาญที่ไม่ดี บางบุคคลฝึกซ้อมบนพื้นดินเพื่อฝึกซ้อมความชำนาญของพวกเขา แต่ว่าเหล่านี้กล้าแกร่งมากมาย พวกเขามีแรงหิวจากด้านใน และก็ความตั้งใจจริงที่ไม่เคยลดละ ซึ่งโน่นมีความหมายว่าพวกเขาก็ได้โอกาสจะไปถึงเป้าหมายได้” บ็อบบี้ กู้ดแมน กล่าว

หากว่าแก้ปัญหาชีพแล้วก็ช่วยทำให้ประชาชนเลี้ยงตนเองได้ พวกเขาบางครั้งอาจจะพบว่า บางเวลาการต่อสู้ที่จริงจริงก็ไม่ใช่แค่การต่อยกันด้วยกำลังเพียงแค่นั้น … ชีวิตของพวกเขาสามารถดียิ่งขึ้นได้ รวมทั้งมวยก็ไม่ใช่วิถีทางเดียวอีกต่อไป